ประยุทธ์ โต้เดือดกรณีภาพ เด็กสอนจับเมาส์ ขณะลงพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ นายกฯลั่นอยากให้เด็กภูมิใจ ส่วนตัวมองว่าไร้สาระ จากกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในอินเตอร์เน็ตสำหรับภาพของเด็กสอนจับเมาส์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ในระหว่างที่ลงพื้นที่เยี่ยมชมผลการดำเนินงานพัฒนาทักษะด้านโค้ดดิ้ง (Coding) ที่จ.เชียงใหม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า
“สังคมตีก็แล้วแต่เขา เขาตีอะไรก็เรื่องของเขา แต่ผมต้องการให้เด็กนั้นภูมิใจว่าเขาได้สอนผม จับมือผมทำนู่นทำนี่ เขาก็จะภูมิใจของเขา จะมาจับผิดแบบนี้ผมมองว่าไร้สาระ”
ทั้งนี้ทางโรงเรียนได้เผยแพร่คลิปของนักเรียนหญิงคนดังกล่าวที่ได้ออกมากล่าวถึงการสอน พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องโค้ดดิ่ง ว่า “ดีใจมากเลยค่ะที่ได้มาสอนเรื่อง codingให้กับลุงตู่ ลุงตู่ไม่เคยเรียน coding แต่หนูได้เรียนค่ะ หนูก็เลยตื่นเต้นมากที่ได้มาสอนท่าน เพราะท่านเป็นถึงนายกฯ หนูตื่นเต้นและดีใจมากเลยค่ะ”
และทางโรงเรียนยังได้กล่าวอีกด้วยว่า “ทางโรงเรียนขอบคุณรัฐบาลที่สนับสนุนโครงการ coding school ให้นักเรียนได้มีโอกาสเรียนอย่างเข้าใจและสามารถสอนบุคคลอื่นได้ เเละจะเป็นประโยชน์มาก หากรัฐบาลสนับสนุนการสอน coding school ให้มีทุกโรงเรียนทั่วประเทศ กราบขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีเเละคณะที่มาตรวจเยี่ยมโรงเรียนของเราค่ะ”
ประยุทธ์ เผยเข้าพูดคุยกับทางการ เมียนมา แล้ว หลังเครื่องบินล้ำเข้าแดนไทยขณะสู้รบกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ชี้ ตีวงกว้างไปหน่อย ลั่นมีสมรรถนะป้องกันอธิปไตยได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ เครื่องบินเมียนมา บินรุกล้ำอาณาเขตไทย ขณะกำลังสู้รบกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ในรัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา ตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้ประสานไปยังเมียนมาแล้ว ซึ่งเขายอมรับแล้วว่ารุกล้ำ พร้อมมีการขอโทษมาแล้วและระบุว่าไม่ได้ตั้งใจจะมีปัญหา แต่เขาต้องตีวงกว้าง จึงล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทยเล็กน้อย ขณะที่เครื่องบินของเรา ได้ทำการขึ้นบินเผื่อผลักดัน ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามมาตรฐาน
วันนี้ทูตทหารเองได้มีการพูดคุยกันแล้ว เขาขอโทษมา และตัวผมเองก็คุยกันแล้ว นี่เป็นเรื่องที่มองดูอาจเป็นเรื่องใหญ่ แต่ขึ้นอยู่กับเราจะทำให้เรื่องใหญ่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกหรือไม่ วันนี้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่แล้ว ฉะนั้น มีอะไรก็พูดคุยหารือกัน
“สิ่งสำคัญที่สุดคือ เรามีสมรรถนะพอเพียงที่จะป้องกันอธิปไตยของเราไว้ได้ แต่วันหน้า ก็ต้องดูว่าเรามีความเข้มแข็งทันสมัยเพียงพอหรือไม่ในอนาคต ฝากเอาไว้ด้วยแล้วกัน และย้ำว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โต” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
‘ราชกิจจา’ คำสั่งศาลให้ ‘พล.อ.ไพบูลย์’ เป็นบุคคลไร้ความสามารถ
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำสั่งศาลให้ พล.อ.ไพบูลย์ เอมพันธ์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นบุคคลไร้ความสามารถ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศจากศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง (สาขามีนบุรี) ว่าด้วยเรื่องคำสั่งศาลที่ให้ พล.อ.ไพบูลย์ เอมพันธ์ เป็นบุคคลไร้ความสามารถและให้อยู่ในความอนุบาลของ พล.ต.พจน์ เอมพันธุ์ คดีแพ่งหมายเลขดําที่ ยชพ 144/2564 คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ยชพ 283/2564
ในประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า ด้วย พล.ต.พจน์ เอมพันธุ์ ผู้ร้อง ยื่นคําร้องต่อศาลขอให้ศาลมีคําสั่งให้ พล.อ.ไพบูลย์ เอมพันธุ์ เป็นคนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความอนุบาลของผู้ร้อง
พิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องแล้ว เห็นว่า อาการของ พล.อ.ไพบูลย์ เข้าลักษณะ บุคคลวิกลจริต ผู้ร้องเป็นบุตรของพล.อ.ไพบูลย์ และเป็นผู้ดูแล พล.อ.ไพบูลย์ มาโดยตลอด จึงเห็นสมควรให้ผู้ร้องเป็นผู้อนุบาล
จึงมีคําสั่งว่า พล.อ.ไพบูลย์ เอมพันธุ์ เป็นคนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความอนุบาลของ พล.ต.พจน์ เอมพันธุ์ ผู้ร้อง ทั้งนี้ ประกาศ ณ วันที่ 27 เมษายน พ.ศ.2565 ลงนามโดย วรพจน์ เวียงจันทร์ ผู้พิพากษา
สำหรับ พล.อ.ไพบูลย์ เอมพันธุ์ เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม คนที่ 42 เคยตำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2538 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2539 เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา ปี 2535
ก่อนหน้านี้ชาวเน็ตได้เคยออกมาติด #ล้างหนี้กยศ เพื่อเรียกร้องให้ กยศ ล้างหนี้ ที่กล่าวว่าทำให้พวกเขามีหนี้สิ้น และหมดแรงจูงใจในการเริ่มชีวิต และ การศึกษาเป็นสวัสดิการที่รัฐต้องดูแล ขณะที่ชาวเน็ตบางส่วนแสดงความเห็นว่าประชาชนควรจะคืนหนี้และมีความรับผิดชอบมากกว่านี้
ด้านเจ้าตัวก็ได้โพสต์ข้อความแถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเธอได้กล่าวขอโทษที่งานจำเป็นต้องยกเลิกก่อนกำหนด แต่ความปลอดภัยของแฟนคลับเป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง พร้อมขอบคุณและบอกรักแฟนคลับทุกคนที่จะมาร่วมงานของเธอ
ปกติแล้วเขาและอินทรีหัวขาวมักจะเดินทางผ่านห้องด้านหลัง ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป พวกเขาอยู่ที่สาธารณะและกลายจุดสนใจ ทว่าแม้คลิปของเขาและสัตว์คู่ใจจะได้รับการเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต แต่นาย โคน ก็บอกว่าเขาไม่ได้ใส่ใจและอินทรีเขาก็ไม่สนใจด้วย
ขณะที่ หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐอเมริกา ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า ปกติแล้วเป็นการตัดสินใจของทางสายการบินว่าพวกเขาจะอนุญาตให้นำสัตว์ขึ้นเครื่องบินไหม ดังนั้นหากสายการบินตกลง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายที่จะนำ นกอินทรีขึ้นเครื่องบิน
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง